มะเร็งรังไข่ (Ovarian Cancer)

จันทิมา อายุ 35 ปี เธอเป็นคนที่รักเด็กมาก หลังจากแต่งงานได้ 10 ปี เธอก็มีลูกสมใจแต่ครึ่งปีหลังจากนั้น
เกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง เธอรู้สึกปวดท้องประจำเดือนอยู่เสมอ อันที่จริงแล้วก่อนตั้งครรภ์ประมาณ 1 ปี เธอได้รับการตรวจภายใน และผลตรวจที่ออกมา เธอเป็นโรเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ เธอจึงไปพบหมอและได้รับคำแนะนำว่ามีผู้หญิงเป็นโรคนี้มากถึง 1 ใน 5 ต้องอาศัยการดูแลตัวเองเป็นพิเศษ เพราะอาจส่งผลให้เป็นหมันได้ ซึ่งเธอก็ปฏิบัติตามที่หมอสั่งอย่างเคร่งครัด ครึ่งปีหลังจากนั้น เธอก็ตั้งครรภ์อย่างที่ต้องการ แต่แล้วก็เกิดอาการปวดท้องประจำเดือนขึ้นมาอีกครั้ง แถม 1 ปี ให้หลังกางเกงที่่เคยใส่ได้เป็นปกติก็กลับใส่ไม่ได้ และเธอยังปวดบริเวณท้องน้อยทั้งที่ยังไม่ถึงช่วงมีประจำเดือน สำคัญคือ ตั้งแต่เธอคลอดลูก 2 ปีนี้ เธอยังไม่เคยไปรับการตรวจเลยตอนนี้เธอเริ่มเกิดอาการแปลกๆ ขึ้น เธอรู้สึกอึดอัดหายใจไม่ออกแล้วก็ไอมากขึ้น ถ้าเป็นหวัดก็จะส่งผลไม่ดีต่อลูก ดังนั้นเธอจึงไปรับการตรวจที่โรงพยาบาล และพบจุดสีขาวที่บ่งบอกถึงลางร้ายปรากฎอยู่ เธอมีเซลล์มะเร็งอยู่ในปอด เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้!
กลุ่มเสี่ยง
กลุ่มของมะเร็งรังไข่ชนิดเยื่อบุพบมากในกลุ่มคนอายุมากกว่า 50-60 ปี แต่มะเร็งรังไข่ทั่วไปสามารถพบได้ในเด็กอายุน้อยกว่า 20 ปี โดยปัจจัยทางพันธุกรรมมีส่วนเกี่ยวข้องประมาณ 20% ความเสี่ยงจะอยู่ที่กลุ่มผู้หญิงที่มีการตกไข่ต่อเนื่องโดยไม่เว้นพักการตกไข่ เช่นการตั้งครรภ์ หรือในกลุ่มคนที่ทานยาคุมกำเนิดซึ่งไปยับยั้งการตกไข่ เพราะฉะนั้นกลุ่มคนที่ทานยาคุมกำเนิดมีการศึกษาพบว่า เป็นมะเร็งรังไข่น้อยกว่ากลุ่มคนที่ไม่ได้ทานยาคุมกำเนิด
อาการที่พึงระวัง
ปกติการปวดประจำเดือนจะมี 2 ลักษณะคือ ปวดวันแรก หรือก่อนมีประจำเดือน 1 วัน ซึ่งหลังจากนั้นอาการจะดีขึ้น หรือเมื่อไปออกกำลังกายแล้ว อาการดีขึ้นหรือปวดเล็กน้อยแต่สามารถทำงานและใช้ชีวิตประจำวันได้ แต่หากมีอาการปวดตั้งแต่ประจำเดือนมาจนกระทั่งหมด หรือปวดรุนแรงจนตัวบิดงอต้องรีบไปพบแพทย์ รวมไปถึงคนที่เคยตรวจพบว่าเป็นโรคนี้
ลักษณะของโรค
เยื่อบุมดลูกเป็นเยื่อที่อยู่ภายในมดลูกเมื่อใกล้ระยะเวลาไข่สุด เยื่อบุโพรงมดลูกก็จะหนาขึ้นเพื่อรอการปฏิสนธิ แต่หากไม่มีการปฏิสนธิเกิดขึ้นในแต่ละเืดือน เยื่อบุโพรงมดลูกจะลอกหลุดออกมาพร้อมกับเลือดกลายเป็นประจำเดือน ส่วนโรคเยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่นั้น เกิดจากการที่มีเนื้อเยื่อเกิดขึ้นนอกมดลูกตามที่ต่างๆ เช่น บริเวณรังไข่ เมื่อมีประจำเดือน เยื่อบุมดลูกจะขยายตัว กรณีที่ไปอยู่ในบริเวณที่มีเส้นประสาทรองรับ เช่น อยู่ด้านหลังมดลูก ก็จะทำให้เกิดอาการปวดท้องประจำเดือนและเสี่ยงต่อการเป็นหมันได้ ทำให้คุณพ่อคุณแม่กังวลว่าจะไม่สามารถมีบุตรได้
ส่วนการเกิดมะเร็งในรังไข่ซึ่งมีความร้ายแรงถึงขึ้นเสียชีวิตนั้น มีสาเหตุเิริ่มต้นมาจากการปวดประจำเดือนหลังคลอดลูกเยื่อบุโพรงมดลูกที่เจริญผิดที่ หากอักเสบเรื้อรังไม่ได้รับการรักษาก็จะเปลี่ยนไปเป็นโรคมะเร็งได้ โดยเซลล์มะเร็งจะทำให้ท้องน้อยขยายใหญ่ขึ้นและมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรง แม้จะไม่ใช่เวลาของการมีประจำเดือนซึ่งเป็นสัญญาณอันตรายบ่งบอกถึงอาการของโรคมะเร็งรังไข่ ซึ่งลักษณะพิเศษของมะเร็งรังไข่ก็คือ เซลล์มะเร็งจะแพร่ขยายอย่างรวดเร็ว และเนื่องจากมีอาการแสดงให้เห็นน้อยทำให้ไม่สามารถสังเกตได้ง่าย ทำให้หลายคนที่เป็นโรคนี้กว่าจะตรวจรู้ว่าเป็นมะเร็งก็ลามไปถึงปอดแล้ว ส่วนสาเหตุของมะเร็งที่รังไข่นั้นยังไม่ทราบแน่ชัด แต่พบว่าการบริโภคไขมันจากสัวต์ในปริมาณมากเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดมะเร็งรังไข่
อาการของโรคมะเร็งแบ่งออกเป็น 4 ระยะ ระยะที่ 1 ตัวมะเร็งจะอยู่เฉพาะในรังไข่ ซึ่งสามารถรักษาได้โดยการผ่าตัดแต่ส่วนใหญ่มักจะตรวจไม่พบในระยะแรกโดยกว่า 70% ของมะเร็งรังไข่จะตรวจพบเมื่อเชื้อมะเร็งเข้าสู่ระยะที่ 3 หรือ 4 ไปแล้ว เนื่องจากระยะแรกๆ มักจะไม่มีอาการใดปรากฎให้เห็น จนกระทั่งระยะที่ 3 เป็นระยะที่เซลล์มะเร็งกระจายเข้าไปในเยื่อบุช่องท้องแล้ว และเข้าไปสร้างสารน้ำต่างๆ ทำให้ท้องของคนไข้ขยายใหญ่อย่างรวดเร็วเนื่องจากมีน้ำในท้อง มีอาการตึงและแข็ง ส่วนระยะที่ 4 เป็นระยะที่เซลล์มะเร็งกระจายอย่างรวดเร็วไปที่ปอด ส่วนจำนวนผู้ตายจากมะเร็งรังไข่นั้น มีถึง 4,000 คนต่อปี และเพิ่มจำนวนขึ้นถึง 8 เท่าในรอบ 50 ปี ส่วนใหญ่แล้วโรคเยื่อบุโพรงมดลูกอักเสบนี้เป็นโรคที่ไม่ร้ายแรง แต่ก็ไม่ควรประมาท ถ้าปล่อยปละละเลยไม่รีบรักษา อาจจะพัฒนาไปสู่โรคมะเร็งรังไข่ได้
วิธีการรักษา
เนื่องจากมะเร็งเป็นโรคที่ไม่สามารถรักษาให้หายได้ แต่สามารถป้องกันหรือยับยั้งการเกิดของโรคได้หากพบอาการผิดปกติ เช่น มีอาการปวดประจำเดือนอย่างรุนแรง หรือคนที่พบว่าเป็นโรคเยื่อบุโพรงมดลูก ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรักษาแต่เนิ่นๆ ซึ่งการตรวจมะเร็งรังไข่ แพทย์จะตรวจวัดค่าของสาร CA125 ซึ่งเป็นสารที่ผลิตออกมาจากเยื่อบุอวัยวะในร่างกายเรา เช่น ตับอ่อน รวมถึงที่รังไข่ด้วย โดยค่าปกติจะอยู่ที่ 0-35 ยูนิตต่อมิลลิลิตร แต่อาจมีค่าปกติที่สูงกว่านี้แต่เป็นค่าปกติที่ไม่ได้เป็นมะเร็งก็ได้ ถ้าคนที่เป็นมะเร็งรังไข่มาตรวจ ค่าจะสูงมากกว่า 35 แต่กรณีเป็นมะเร็งในระยะที่ 1 บางทีอาจจะไม่แสดงอาการ ซึ่งหมอสามารถจะตรวจสาร CA125 เพื่อช่วยวางแผนในการผ่าตัดเผื่อในกรณีการเป็นมะเร็งไว้ด้วย เพราะลักษณะการผ่าตัดจะไม่เหมือนกัน
รู้ไว้ ไกลโรค
หมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ รับประทานผักผลไม้เป็นประจำ ตรวจสุขภาพสม่ำเสมอ ลดการรับประทานอาหารที่มีไขมันจากสัตว์ เพราะการรับประทานไขมันจากเนื้อสัตว์ในปริมาณมากเป็นปัจจัยร่วมอย่างหนึ่งของการเกิดโรคมะเร็งในรังไข่